ufabet

ต้นทุนอะไรบ้างที่เปลี่ยนไปเมื่อเริ่มธุรกิจออนไลน์

ในโลกของธุรกิจไม่ว่าจะเป็นแบบออฟไลน์หรือออนไลน์ ต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันนั่นก็คือ “กำไร”

ส่วนวิธีการที่จะทำให้ธุรกิจมีกำไรเพิ่มมากขึ้น หนึ่งในวิธีที่นิยมทำกันมากที่สุดก็คือ การตลาดออนไลน์ และการทำให้ต้นทุนของธุรกิจลดต่ำลงซึ่งต้นทุนของธุรกิจทั้งสองแบบต่างก็ประกอบไปด้วยต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร หากผู้ประกอบการขนาดย่อม สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับต้นทุนทั้งสองแบบได้แล้ว ก็จะเข้าใจได้ว่าในการเริ่มธุรกิจออนไลน์ จะมีต้นทุนอะไรบ้างที่เปลี่ยนไป

ต้นทุนคงที่ของธุรกิจ

ต้นทุนคงที่ของธุรกิจออฟไลน์ คือ ต้นทุนพื้นฐานที่คุณต้องจ่าย ไม่ว่าจะผลิตหรือขายมากน้อยเพียงใด ตัวอย่างของต้นทุนชนิดนี้ในธุรกิจออฟไลน์ก็คือ ค่าเช่าที่ เงินเดือนพนักงาน และค่าเช่าที่เก็บสินค้า

ส่วนต้นทุนธุรกิจออนไลน์ที่เป็นต้นทุนคงที่นั้นมีบางสิ่งที่ลดลงไปหรือหายไป เช่น จากเดิมที่เคยเสียเงินเช่าพื้นที่หน้าร้าน ก็อาจจะต้องเปลี่ยนไปเป็นต้นทุนการสร้างหน้าร้านทางออนไลน์อย่างเว็บไซต์ หรืออาจจะมีการเปลี่ยนจากค่าจ้างของพนักงานขายไปเป็นการจ้าง Admin Creator ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการหน้าร้านแบบออนไลน์แทน ซึ่งถ้าหากเจ้าของธุรกิจที่อยากหันมาเริ่มธุรกิจออนไลน์สามารถจัดการเรื่องของออนไลน์ได้เอง ก็จะทำให้มีความได้เปรียบในเรื่องต้นทุนแบบนี้

ต้นทุนผันแปรของธุรกิจ

ต้นทุนผันแปรของธุรกิจออฟไลน์ คือ ต้นทุนที่จะแปรผันไปตามปริมาณการผลิตสินค้าและการขายสินค้า เรียกได้ว่าต้นทุนแบบนี้ยิ่งผลิตมากก็ต้องจ่ายมาก สามารถลดต้นทุนชนิดนี้ได้ด้วยการเปลี่ยนไปเริ่มธุรกิจออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดเรื่องของค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าคอมมิชชั่นต่าง ๆ ลงไปได้

อย่างไรก็ตาม การเริ่มธุรกิจออนไลน์ก็มีต้นทุนผันแปรเช่นกัน ต้นทุนแปรผันที่เปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่โลกออนไลน์ หลัก ๆ เลยก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของค่าทำการตลาดออนไลน์ส่วนหนึ่งก็คือ ค่าโฆษณาบนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ นั่นเอง อย่างเช่น ค่าโฆษณาบน Facebook ที่หากผู้ประกอบการต้องการให้โฆษณาเข้าถึงคนบนออนไลน์จำนวนมากเท่าใด ก็ต้องแลกด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ufabet

ต้นทุนของธุรกิจออฟไลน์มักใช้เงินลงทุนสูง

การจัดการธุรกิจบนสถานที่ที่มีอยู่จริง ๆ เปิดหน้าร้านจริงจัง ส่วนใหญ่แล้วจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าสถานที่ ค่าอุปกรณ์ตกแต่ง ค่าจ้างพนักงาน หรือแม้แต่ค่าที่จอดรถ และเมื่อสร้างเสร็จแล้ว การที่จะทำให้มันคงอยู่ได้ในระยะยาวก็ยังต้องใช้เงินลงทุนสูงอีกด้วย เช่น ถ้าคุณขายสินค้า คุณก็ยังต้องมีการสต๊อกสินค้า ซึ่งนั่นก็เป็นค่าใช้จ่ายในการเช่าโกดังหรือบำรุงรักษานั่นเอง

ต้นทุนธุรกิจออนไลน์ใช้เงินไม่มาก

เพราะการทำธุรกิจออนไลน์เพียงอย่างเดียวนั้นหมายถึงว่า สถานที่เป็นสิ่งที่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อธุรกิจและยอดขาย ไม่มีค่าใช้จ่ายในการตกแต่งร้าน เช่าที่ หรือค่าจอดรถ ต้นทุนธุรกิจออนไลน์นั้นถือว่าไม่แพงมาก เพียงแค่ลงทุนไปกับเว็บไซต์ที่เป็นหน้าร้านเดียวของคุณให้ดีเพื่อระยะยาวเท่านั้น

อยากได้กำไรต้องลดต้นทุนให้เป็น

การหาจุดที่ทำธุรกิจแล้วคุ้มค่ากับการดำเนินงาน เราเรียกว่าจุดคุ้มทุน ซึ่งก็คือจุดที่ธุรกิจมีรายได้จากยอดขายเท่ากับต้นทุน ถ้าหากคุณสามารถทำยอดขายได้มากกว่าจุดคุ้มทุนที่คำนวณได้ก็แสดงว่าธุรกิจมีกำไร แต่ถ้ายอดขายต่ำกว่าค่าจุดคุ้มทุนที่คำนวณได้นั่นคือธุรกิจมีต้นทุนมากกว่ารายได้ หรือแปลว่าขาดทุนนั่นเอง

ธุรกิจต้องบริหารต้นทุนให้เป็น เนื่องจากการแข่งขันที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้น จึงต้องสู้กันด้วยการพยายามลดต้นทุน เพื่อให้ธุรกิจยังคงมีกำไร จึงไม่น่าแปลกใจที่ตอนนี้จะมีคนหันไปเริ่มธุรกิจออนไลน์กันมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมันเป็นรูปแบบธุรกิจที่สามารถลดต้นทุนได้อย่างมากมายนั่นเองส่วนคนที่ไม่เคยทำธุรกิจออนไลน์มาก่อนเลย ต้องเรียนรู้และทำการบ้านในเรื่องต้นทุนและการตลาดออนไลน์ให้รอบด้าน ก่อนจะทำการ “ตั้งราคาขาย”

สุดท้ายอยากจะฝากคนที่กำลังอยากจะเข้ามาเริ่มธุรกิจออนไลน์ว่า “ยิ่งคุณลงทุนกับสมองมากเท่าไร ต้นทุนของคุณก็จะยิ่งถูกลงเท่านั้น”


ติดตามเนื้อหาดีๆ น่าอ่านได้ที่ reedrohrer.com อัพเดตทุกสัปดาห์

Releated